กรมป่าไม้ทดสอบพารามอเตอร์ในการสำรวจพะยูน | ||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||
ระหว่างวันที่ 16-21 มีนาคม ศกนี้ โครงการรักษ์พะยูน โดยกรมป่าไม้ ได้ทำการทดลองใช้ พารามอเตอร์ที่ได้รับการบริจาคจาก บ. Nation Multimedia Group และภาคเอกชนอื่นๆ ในการสำรวจและศึกษาวิจัยพะยูนซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนหนึ่งในสิบห้าชนิดของไทย (รวมถึงกูปรีที่ได้สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยและสมันที่ได้สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้แล้ว) บริเวณจังหวัดตรัง พื้นที่ที่ทำการทดลองได้แก่บริเวณแหล่งพะยูนในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ที่ซึ่งเป็นแหล่งหญ้าทะเลขนาดใหญ่และเป็นแหล่งอาศัยของนกหลายแสนตัว และแหล่งอาศัยของพะยูนที่ใหญ่ที่สุดที่เหลืออยู่ของไทย แต่เนื่องจากการใช้พารามอเตอร์เป็นแนวคิดใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครในโลกทำมาก่อน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ยังขาดความชำนาญในการใช้เครื่องที่เพิ่งได้รับมาหมาดๆ กรมป่าไม้จึงได้ขอความร่วมมือไปยังสมาคมกีฬาการบินแห่งประเทศไทย ในการให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคการบิน และได้รับความสนับสนุนเป็นอย่างดีจากทางสมาคม โดยได้ส่งสมาชิกของสมาคมจากชมรมกีฬาการบินอินทรีอิสาน ที่มากด้วยประสบการณ์จำนวนสามท่าน บินตรงมาจากจังหวัดอุดรธานี เพื่อมาเป็นพี่เลี้ยงให้กับคณะสำรวจของกรมป่าไม้อย่างใกล้ชิด | | |||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||
ในการทดลองได้ใช้ทั้งการศึกษาจากพารามอเตอร์แบบหนึ่งที่นั่งและสองที่นั่ง ในการนี้ชนิดหนึ่งที่นั่งมีความคล่องตัวสูงเหมาะกับการสำรวจ และศึกษาข้อมูลอย่างกว้างๆและใช้ผู้ช่วยในการทำการบินขึ้นน้อย ส่วนชนิดสองที่นั่งสามารถให้ผลการศึกษาที่ต่อเนื่องและเชื่อถือได้ดีกว่า เนื่องจากผู้บังคับเครื่องและผู้ทำการเก็บข้อมูลทำงานเฉพาะในส่วนของตน ทำให้มีสมาธิและเก็บข้อมูลได้อย่างต่อเนื่อง แต่การนำเครื่องขึ้นต้องมีผู้ช่วยมากเพราะเครื่องมีขนาดใหญ่ และต้องใช้ผู้มีประสบการณ์สูงเป็นผู้ขับขี่เครื่อง ผลจากการทดลองพบว่าการใช้พารามอเตอร์สำรวจและศึกษาพะยูนได้ข้อมูลเป็นที่น่าพอใจ นักบินสามารถบินในเส้นทางและลักษณะวิธีการบินได้ตามที่กำหนดในวิธีการวิจัย ส่วนนักวิจัยที่ขึ้นไปกับเครื่องก็สามารถเก็บข้อมูลจากทางอากาศได้ตามต้องการ ในการทดลองครั้งนี้ได้ทดลองสำรวจพะยูนบริเวณชายฝั่งตอนใต้ของเกาะลิบงขณะน้ำเริ่มขึ้น พบพะยูนจำนวนสิบสองตัว เริ่มเข้ามาหากินในแหล่งหญ้าตามระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น และท่วมแหล่งหญ้าจนมีความลึกพอที่พะยูนจะเข้ามาหากินหญ้าได้ | ||||||||||||||||||||||||||
นอกจากจำนวนพะยูนที่พบแล้ว พารามอเตอร์ยังมีข้อดีกว่าอากาศยานทั่วไปคือมีความเร็วต่ำ ทำให้นักวิจัยมีเวลามากพอที่จะสังเกตพฤติกรรมต่างๆของพะยูนได้อย่างต่อเนื่อง ในการนี้เราพบพะยูนว่ายอยู่ท่ามกลางหมู่เรือของชาวประมงที่กำลังดำหาหอยและปลิงอย่างใกล้ชิด พะยูนส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มว่ายมาจากแหล่งพักผ่อนตามร่องน้ำปากคลองกันตัง เข้าสู่แหล่งหญ้า บางตัวก็ยังมาไม่ถึงแหล่งหญ้า แต่บางตัวก็กำลังสบายใจกับการกินหญ้าทะเล โดยเห็นได้จากตะกอนที่ฟุ้งกระจายจากการเป่าตะกอนออกจากหญ้าก่อนการกินของพะยูน บางตัวอาจจะสบายใจกับการพลิกตัวไปมาซึ่งนักวิจัยก็ยังไม่เข้าใจถึงพฤติกรรมของพะยูนในเรื่องนี้นัก | ||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||
ในการทดลองนี้ ยังได้มีนักวิจัยจากประเทศมาเลเซีย (Miss Leela Cassia) ผู้ซึ่งทำการศึกษาพะยูนในประเทศมาเลเซีย มาร่วมสังเกตการณ์วิธีการสำรวจของกรมป่าไม้เพื่อนำไปใช้ในมาเลเซียเป็นการทดแทนการสำรวจโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ที่มีค่าใช้จ่ายสูง และจากการที่ได้เห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ของไทยทำให้ Miss Leela มีความสนใจในการใช้พารามอเตอร์เป็นอย่างมาก | ||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||
หลังจากการทดลองซึ่งได้ผลเป็นที่พอใจในครั้งนี้แล้ว กรมป่าไม้ มีแผนที่จะฝึกเจ้าหน้าที่ให้มีความชำนาญและปรับปรุงสถานที่ขึ้นลงพารามอเตอร์ให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยจะปรับปรุงให้สามารถขึ้นลงได้ตลอดเวลาแทนการขึ้นจากชายหาดซึ่งต้องอาศัยเฉพาะเวลาที่ระดับน้ำขึ้นไม่มากนัก อีกทั้งการจัดหาวัสดุ และอะไหล่ที่เสื่อมสภาพไปจากการใช้งานอย่างหนักในขณะนี้ และในปีนี้ก็มีแผนที่จะสำรวจพะยูนที่อาจหลงเหลืออยู่ในอ่าวไทย โดยใช้ฐานข้อมูลเดิมที่กรมป่าไม้ได้สำรวจไว้แล้วจากการสัมภาษณ์ชาวประมงชายฝั่งทั่วประเทศในปีก่อนๆ และพบว่าเราอาจมีพะยูนหลงเหลืออยู่ในบริเวณจังหวัดระยอง ชุมพรและสุราษฎร์ธานี เพื่อทำการอนุรักษ์ก่อนที่จะสายเกินไป | ||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||
|
Wednesday, September 30, 2009
กรมป่าไม้ทดสอบพารามอเตอร์ในการสำรวจพะยูน
พะยูนคืออะไร
| |||
|
| ||
| |||
| |||
| |||
พะยูนเคยได้รับการประกาศให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ต่อมาเมื่อมีการปรับปรุงพระราชบัญญัติปี2535 ด้วยสถานะการณ์ใกล้สูญพันธุ์ของพะยูนทำให้พะยูนได้รับการประกาศให้เป็นสัตว์ป่าสงวนหนึ่งในสิบห้าชนิดของไทย การประกาศเช่นนี้ย่อมหมายถึงทางราชการให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พะยูนมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้กรมป่าไม้ ก็มิใช่ หยุดเพียงมาตราการทางกฎหมายแต่กรมป่าไม้ยังได้จัดให้มีการทำโครงการรักษ์พะยูนขึ้นในโครงการนี้มีเป้าหมายในการศึกษา และแสวงหาวิธีการที่มีประสิทธิภาพ ในการอนุรักษ์พะยูนตลอดจนหญ้าทะเล อันเป็นอาหารหลักของพะยูนและแหล่งอาหาร รายได้ของชาวประมงชายฝั่ง ในการศึกษาเกี่ยวกับพะยูนนี้ กรมป่าไม้ได้เริ่มการดำเนินการอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2533 จนกระทั่งปี 2534 กรมป่าไม้จึงเริ่มมีการสำรวจ จำนวนพะยูนและแหล่งที่อยู่อาศัยจากทางอากาศ ในบริเวณอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมและเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง จังหวัดตรัง ในเดือนเมษายน 2535 พบพะยูนจำนวนสูงสุดถึง 61 ตัวในบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้ข้อมูลจำนวนมากที่ช่วยให้เราเข้าใจในตัวพะยูนมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เราเกือบจะไม่มีข้อมูลหรือมีข้อมูลที่ผิดพลาดเนื่องจากการขาดการศึกษาทางวิชาการที่เหมาะสม การได้ข้อมูลใหม่ๆที่ถูกต้องนี้ทำให้กรมป่าไม้ดำเนินการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับพะยูนมากขึ้น การศึกษานี้มีเป้าหมายในการหา
ทั้งนี้แนวทางการศึกษาของกรมป่าไม้จะมุ่งเน้นการศึกษาพะยูนที่มีการดำรงชีพอยู่ในธรรมชาติเป็นหลัก |
จากการสำรวจของกรมป่าไม้พบว่าพะยูนยังคงมีกระจายอยู่ตามชายฝั่งของไทยทั้งอันดามันและอ่าวไทยแต่มีจำนวนน้อยและยังคง ไม่ทราบแน่ชัด เราเพียงทราบแล้วว่าเราสามารถพบพะยูนได้ตามชายฝั่งต่างๆ ทางฝั่งอันดามันพบตลอดแนวชายฝั่ง ทางอ่าวไทย ยังคงพบอยู่บ้างที่ระยอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา แต่กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดพบที่บริเวณอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง จังหวัดตรัง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 100 ตัว
| |
|
|
| |
|
โครงการที่ร่วมดำเนินการกับต่างประเทศ (กลุ่มลุ่มน้ำ)
1. ชื่อโครงการ เปรียบเทียบผลผลิตของน้ำจากระบบวนเกษตรต่าง ๆ
Comparative Water Yield from Various Agroforestry Systems
2. หน่วยงานที่ร่วมมือ ศูนย์วิจัยวนเกษตรนานาชาติ (International Centre for Research in Agroforestry, ICRAF)
3. หน่วยงานที่รับผิดชอบ
กลุ่มลุ่มน้ำ ส่วนวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้
4. วัตถุประสงค์
(1) เพื่อเปรียบเทียบปริมาณน้ำ อัตราการไหลของน้ำ และตะกอนแขวนลอยจากวนเกษตรรูปแบบต่าง ๆ
(2) เพื่อเป็นแนวทางในการจัดการลุ่มน้ำขนาดเล็กบนภูเขาเขตร้อนโดยเฉพาะภาคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
5. ระยะเวลาดำเนินการวิจัย
มกราคม 2542 - ธันวาคม 2543
6. สถานที่ดำเนินการวิจัย
ลุ่มน้ำแม่แจ่ม อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
7. ความก้าวหน้าของโครงการ
ก่อสร้างเขื่อนวัดน้ำ (weir) เพื่อศึกษาปริมาณน้ำและตะกอนจากพื้นที่การใช้ประโยชน์ต่าง ๆ พร้อมติดตั้งเครื่องบันทึกระดับน้ำ เครื่องอ่านระดับน้ำ เครื่องบันทึกระดับน้ำสูงสุด เครื่องบันทึกปริมาณน้ำฝน อุณหภูมิ และความชื้นสัมพัทธ์
ประเภทของป่าไม้
ประเภทของป่าไม้
| |||
ป่าดงดิบหรือป่าไม่ผลัดใบ (Evergeen forest) | |||
| |||
เป็นระบบนิเวศน์ของป่าไม้ชนิดที่ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ชนิดไม่ผลัดใบคือมีใบเขียวตลอดเวลา แบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ 1. ป่าดิบเมืองร้อน (Tropical evergreen forest) เป็นป่าที่อยู่ในเขตลมมรสุมพัดผ่านเกือบตลอดปี มีปริมาณน้ำฝนมาก แบ่งออกเป็น : 1.1 ป่าดงดิบชื้น (Tropical rain forest) ป่าดงดิบชื้นในประเทศไทยมีการกระจายส่วนใหญ่อยู่ทางภาคใต้และภาคตะวันออกของประเทศ อาจพบในภาคอื่นบ้าง แต่มักมีลักษณะโครงสร้างที่เป็นสังคมย่อยของสังคมป่าชนิดนี้ ป่าดงดิบชื้นขึ้นอยู่ในที่ราบรือบนภูเขาที่ระดับความสูงไม่เกิน 600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในภาคใต้พบได้ตั้งแต่ตอนล่างของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไปจนถึงชายเขตแดน ส่วนทางภาคตะวันออกพบในจังหวัดตราด จันทบุรี ระยอง และบางส่วนของจังหวัดชลบุรี (อุทิศ, 2541) 1.2 ป่าดงดิบแล้ง (Dry evergreen forest) ป่าดงดิบแล้งของเมืองไทยพบกระจายตั้งแต่ตอนบนของทิวเขาถนนธงชัยจากจังหวัดชุมพรขึ้นมาทางเหนือ ปกคลุมลาดเขาทางทิศตะวันตกของทิวเขาตะนาวศรีไปจนถึงจังหวัดเชียงราย ส่วนซีกตะวันออกของประเทศปกคลุมตั้งแต่ทิวเขาภูพานต่อลงมามาถึงทิวเขาบรรทัด ทิวเขาพนมดงรักลงไปจนถึงจังหวัดระยองขึ้นไปตามทิวเขาดงพญาเย็น ทิวเขาเพชรบูรณ์จนถึงจังหวัดเลยและน่าน นอกจากนี้ ยังพบในจังหวัดสกลนคร และทางเหนือของจังหวัดหนองคายเลียบลำน้ำโขงในส่วนที่ติดต่อกับประเทศลาว ป่าชนิดนี้พบตั้งแต่ระดับความสูงจากน้ำทะเลปานกลางประมาณ 100 เมตรขึ้นไปถึง 800 เมตร (อุทิศ, 2541) | |||
1.3 ป่าดงดิบเขา (Hill evergreen forest) ป่าดงดิบเขาอาจพบได้ในทุกภาคของประเทศในบริเวณที่เป็นยอดเขาสูง พบตั้งแต่เขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ขึ้นไปจนถึงยอดเขาสูง ๆ ในภาคเหนือ เช่น ยอดดอยอินทนนท์ ดอยปุย และยอดดอยอื่นๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน เป็นต้น ส่วนทางภาคตะวันออกพบได้บนยอดดอยภูหลวง ภูกระดึง ยอดเขาสูงในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นต้น (อุทิศ, 2541) 2. ป่าสน (Coniferous forest) ป่าชนิดนี้ถือเอาลักษณะโครงสร้างของสังคมเป็นหลักในการจำแนกโดยเฉพาะองค์ประกอบของชนิดพันธุ์ไม้ในสังคมและไม้เด่นนำ อาจเป็นสนสองใบหรือสนสามใบ | | ||
| |||
| |||
4. ป่าชายหาด (Beach forest) แพร่กระจายอยู่ตามชายฝั่งทะเลที่เป็นดินกรวด ทราย และโขดหิน ดินมีฤทธิ์เป็นด่าง | |||
ป่าผลัดใบ (Deciduous Forest) | |||
เป็นระบบนิเวศน์ป่าชนิดที่ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ชนิดผลัดใบหรือทิ้งใบเก่าในฤดูแล้ง เพื่อจะแตกใบใหม่เมื่อเข้าฤดูฝน ยกเว้นพืชชั้นล่างจะไม่ผลัดใบ จะพบป่าชนิดนี้ตั้งแต่ระดับความสูง 50-800 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. ป่าเบญจพรรณ ลักษณะทั่วไปเป็นป่าโปร่ง พื้นที่ป่าไม้ไม่รกทึบ มีไม้ไผ่ชนิดต่างๆ ขึ้นอยู่มาก มีอยู่ทั่วไปตามภาคต่างๆ ที่เป็นที่ราบ หรือตามเนินเขา พันธุ์ไม้จะผลัดใบในฤดูแล้ง การกระจายของป่าเบญจพรรณในประเทศไทย พบในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน ครอบคลุมต่ำลงไปจนถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ตอนบน มีปรากฏที่ระดับความสูงตั้งแต่ 50 เมตร ถึง 800 เมตร หรือสุงกว่านี้ในบางจุด | |||
|
ทรัพยากรป่าไม้
|
ประเภท
ประเภท
ก. ป่า
ข. ป่า
ป่า
ป่า
1. ป่า
1.1 ป่า
1.2 ป่า
เป็น
1.3 ป่า
ป่า
2. ป่า
3. ป่า
4. ป่า
ชนิด
5. ป่า
ป่า
ต้น
1. ป่า
2. ป่า
3. ป่า
ป่า
ประ
ประ
สาเหตุ
1. การ
ตัว
2. การ
เมื่อ
3. การ
เช่น
4. การ
ทำ
5. การ
เช่น
6. ไฟ
มัก
7. การ
แหล่ง
การ
ป่า
1. นโยบาย
2. นโยบาย
3. นโยบาย
4. นโยบาย
5. นโยบาย
การ
มี